เบอร์ลินวันที่สี่
.
.
วันนี้ออกแต่เช้าเพื่อไปต่อคิวเข้า The Haus ซื้ออะไรก็ไม่รู้จากร้านในสถานีรถไฟใต้ดินกินเป็นมื้อเช้า ไม่อร่อยเลย แต่พอแก้หนาวได้ เช้านี้อยู่ ๆ ก็หนาว เมื่อวานยังร้อนอยู่เลย น่าจะสิบองศาได้ ไปต่อคิวตั้งแต่ 8:30 คิดว่ามาเช้าแล้วนะ แต่พอถึงมีคนเข้าแถวรออยู่แล้วประมาณ 30 คน และถัดมาไม่ถึงชั่วโมงก็น่าจะร้อยกว่าๆ ได้ พอสิบโมงเวลาที่ประตูเปิดก็มองไม่เห็นหางแถวแล้ว เพราะมันเลี้ยวไปตามมุมตึก
.
.
The Haus เป็นโปรเจ็กต์พิเศษ ที่มี Die Dixons หัวหอก จัดงานแต่ละครั้งก็จะเปลี่ยนที่เปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ สำหรับครั้งนี้เค้าแปลงอาคารเก่าหลังหนึ่งที่กำลังจะถูกทุบไปสร้างใหม่เป็นคอมเพล็กซ์ ก็เลยชวนเพื่อน ๆ ศิลปินมาทำงานศิลปะกับตึกนี้ หนึ่งคนก็เอาไปหนึ่งห้องหรือหนึ่งผนัง ไม่เว้นแม้ห้องน้ำ รวมแล้ว 165 คน ในหนังสือที่ทำขายเป็นที่ระลึกมีข้อความว่า " A tribute to the City that always runs and never stops" กับ " We are not afraid of the future. We do not build wall, we break them down. We transform empty bank buildings into art. We give everyone the same chance. งานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นภายในตึกมีหลายแบบมาก เห็นบางอันแล้วก็เสียดายความถึก คือเดี๋ยวมันจะต้องถูกทุบทิ้งไง ความรู้สึกนี้คงเป็นสิ่งที่ The Haus อยากให้คนรับรู้
.
.
ก่อนเข้างาน เค้าจะให้ซองมาอันนึง ไว้ใส่มือถือ งานนี้ห้ามถ่ายรูป ตึกนี้เคยเป็นธนาคารมาก่อน มี 5 ชั้น แต่ละชั้นมีสิบกว่าห้อง ศิลปินแต่ละคนก็ตกแต่งห้องไปตามความถนัดของตัวเอง มีหลากหลายแบบ มีอยู่ห้องนึงศิลปินเค้าเอาสายไฟ สายแลนมาพัน มาต่อกันให้ดูยุ่งๆ ผมเดินสวนกับฝรั่งสาวกลุ่มนึงที่กำลังเดินออกมาจากห้อง คนนึงพูดขึ้นว่า "เธอทำงานกับสายเคเบิ้ลเยอะ ๆ ระวังนะ" อีกคนก็พูดขึ้นมาว่า "นี่ เคยได้ข่าวมั้ย ที่เมืองไทย..." หูผึ่งเลยผม ไม่ได้แอบฟังนะ แต่เดินมาพูดอยู่ใกล้ ๆ เลยได้ยิน และพอได้ยินใครพูดอะไรเกี่ยวกับเมืองไทยในต่างแดน เราก็ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอ คราวนี้เลยแอบฟังจริงๆ "นี่ เคยได้ข่าวมั้ย ที่เมืองไทยอ่ะ สายไฟตามถนนยุ่งแบบนี้เลยนะ น่ากลัววมากกกก" ห่ะ จังหวะอะไรจะพอดีขนาดนี้ คุยกันเรื่องเมืองไทย ในจังหวะที่เดินสวนกับเราพอดี และพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วย ไม่ได้พูดเยอรมัน เลยรู้เรื่อง
.
.
หนังสือของานนี้วางขายตรงทางออก ราคา 30 ยูโร เห็นแล้วอยากได้มาก เพราะรวมภาพผลงานภายในตึกไว้หมด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อเพราะนึกได้ว่าเดี๋ยวก็เหมือนเล่มก่อน ๆ ที่ซื้อมาเก็บ ไม่เคยเปิด
.
พอกลับถึงที่พัก ก็เห็นข้อความจากทีมงาน Cat "ขอภาพสวยๆ และเรื่องราวลงในเพจด้วยนะคะพี่ริท" เอาล่ะสิ พรุ่งนี้คงต้องกลับไปซื้อหนังสือ^^
เรื่องโดยดีเจวราฤทธิ์ มังคลานนท์
ติดตามความเคลื่อนไหวและฟัง CAT RADIO 24 ชั่วโมง ได้ที่
www.thisiscat.com
APPLICATION CAT RADIO ทั้งทาง ITUNES และ PLAYSTORE
FACEBOOK : https://www.facebook.com/thisiscatradio
INSTAGRAM : ThisisCatRadio
TWITTER : @ThisisCatRadio