Bed Tips : แม็ก - The Darkest Romance
(เรียบเรียงจากการออกอากาศเมื่อ 20 สิงหาคม 2564)
‘WORDS’ Official Album Sampler - The Darkest Romance
เกร็ดจากประสบการณ์ทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังของ แม็ก - ธิติวัฒน์ รองทอง ฟรอนต์แมนของ The Darkest Romance วงร็อกที่ทำเพลงได้มีลายเซ็นชัดเจนตั้งแต่ต้น เป็นอีกหนึ่งคนคุ้นเคยของรายการ Bedroom Studio ตั้งแต่สมัยยังเป็นน้องใหม่ ปัจจุบันแม็กและเพื่อน มีผลงานคุณภาพ ได้รับคำชื่นชมทั้งจากรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน รุ่นน้อง เรื่อยมา ปัจจุบัน The Darkest Romance อยู่ในสังกัด Gene Lab อัลบั้ม ‘WORDS’ งานชุดที่สี่ของพวกเขาได้รับรางวัลคมชัดลึกอวอร์ดสาขาศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม, อัลบั้มยอดเยี่ยม (‘WORDS’) และเพลงยอดเยี่ยม (‘ความรับผิดชอบ’) เมื่อต้นปี 2564
แม็กยังอยู่เบื้องหลังผลงานศิลปินอีกมากมายหลายแนว เป็นโปรดิวเซอร์ ที่แต่งเพลงและออกแบบเสียงต่างๆ ได้หลากหลาย จนทำให้ตารางงานของเขาแน่นมาก จนมีสมญาต่างๆ อาทิ #คุณอาจไม่รู้ว่าแม็กทำ #คุณอาจไม่รู้ว่าแม็กร่วมทำ #แม็กกี้ทำ #แม็กกี้ร่วมทำ #แม็กอิสคนเหล็ก
ความรับผิดชอบ - The Darkest Romance
ทักทายพร้อมผลงาน : เบื้องหน้าเบื้องหลัง
สวัสดีครับ ผม แม็ก - ธิติวัฒน์ รองทอง หรือ แม็ก The Darkest Romance นะฮะ มือเบส นักร้องนำครับผม ปีที่แล้ว ‘WORDS’อัลบั้มที่สี่ของวงเพิ่งได้ release ไป แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็กำลังทำอัลบั้มต่อไปกันอยู่ด้วยนะครับ ก็อยากให้ติดตามกัน
ส่วนผลงานที่เป็นงานเบื้องหลังปีนี้ ก็มีไปช่วยงานหลายๆ คนครับ ล่าสุดก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้ Slot Machine ร่วมเขียนเพลงแล้วก็ร่วมทำซาวด์ดีไซน์ให้ศิลปินต่างๆ เช่น PUNYARB หรือ PUN (ปัน สรณวรรธ) ที่เพิ่งออกเพลง Kryptonite ของสังกัด High Cloud แล้วก็มี Tiger Killer ที่ผมเป็นโปรดิวเซอร์ ก็ได้เขียนเพลง ได้ทำซาวด์ดีไซน์ด้วยครับ
ใจหนอใจ – Slot Machine
วิธีคิดและกระบวนการแต่งเพลง : The Darkest Romance
วิธีคิดและกระบวนการแต่งเพลงของผม ซึ่งถ้าเป็นในมุมของ The Darkest Romance ผมจะเป็นคนเขียนเนื้อเพลงหลักของวงนี้ ตั้งแต่ตอนตั้งวงแล้วครับ เพราะเริ่มมาจากโซโล่โปรเจกต์ พอผมเป็นคนเริ่มทำจากตัวคนเดียวมาก่อน ผมเลยรู้สึกว่าการมองเห็นภาพรวมของสิ่งที่กำลังจะทำนั้นสำคัญ ผมจะเริ่มคิดเป็นคอนเซปต์ก่อน อย่างอัลบั้มที่ชื่อว่า ‘คู่’ หรือ ‘Lessons’ คืออัลบั้มที่สองกับสามของวงนะครับ หรือแม้กระทั่งอัลบั้ม ‘WORDS’ นะครับ อัลบั้มล่าสุด
ผมกับเพื่อนๆ ตอนที่ลงมือทำส่วนของดนตรีหรือส่วนของการประกอบภาพนี่ก็จะร่วมทำด้วยกัน ก็คือ ขึ้นโครง แล้วก็โยนกันไปกันมา เพื่อนในวงมีไอเดียอะไรก็จะกลับไปทำการบ้านอัดส่งกลับมา แล้ววงก็ช่วยกันดี แต่ทั้งหมดทั้งมวลผมจะเป็นคนดูโทนหรือคอนเซปต์และโทนของเนื้อเพลงที่อยากจะเล่า แม้กระทั่งอารมณ์ หรือความรู้สึก สิ่งที่อยากจะให้เป็นไป และความถูกต้องของเป้าหมายที่ตั้งกันไว้ และคอนเซปต์ที่ตั้งไว้ ของ The Darkest Romance จะเป็นประมาณนี้
‘Lessons’ Album Sampler - The Darkest Romance
วิธีคิดและกระบวนการแต่งเพลง : ศิลปินอื่นๆ
ในขณะเดียวกัน พอเป็นการแต่งเพลงให้กับศิลปินอื่นๆ ผมมักจะอยากรู้ก่อนว่าคนๆ นั้นเป็นใคร เพลงนี้ถูกเอาไปใช้โดยอะไร สิ่งที่ศิลปินคนนั้นเป็น เป็นอย่างไร ภาษาพูด วิธีการคิด บุคลิกภาพต่างๆ เหมือนพยายามจะศึกษาว่าเขาเป็นคนแบบไหน และมักจะคุยกันหลายๆ เรื่อง บางครั้งได้ไอเดียมากจากบทสนทนาก็มี ได้ไอเดียมาจากเรื่องรอบตัวก็มี แม้กระทั่งสิ่งที่เขาชอบ สิ่งที่เขาเสนอมาเป็น reference ในการทำงานก็ช่วยได้ครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมพยายามที่จะรีเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มให้ได้มากที่สุดเกี่ยวกับตัวเขา เกี่ยวกับสิ่งที่เขาอยากจะทำ แล้วสมมมติว่าเรามีกรอบประมาณนี้ เรามีไอเดีย คอนเซปต์ประมาณนี้ เราจะเล่นซนกับตรงนั้นได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกว่าเวลาทำงานให้คนอื่นไม่น่าเบื่อ และไม่เป็นการปิดความคิดจนเกินไปนัก ตัวอย่างที่ผมพอจะคิดออก เช่น เพลงเข้าฝันของ Tiger Killer ตอนที่ได้คุยกัน ฟลุกได้ส่ง บรีฟมาเป็นกระดาษเอสี่เลยครับ เหมือนเป็นเรียงความ บทความมา แล้วก็ผมได้คุยกับฟลุกเรื่องเขาเป็นคนแบบไหน สิ่งที่เขาถนัด ไม่ถนัด แล้วก็สิ่งที่เขาชอบ ไม่ชอบ เขาฟังเพลงแบบไหน เขาอินกับอะไร เราเอาพวกนั้นมาปั่น มารวม เป็นไอเดียที่เราจะต้องต่อยอด เวลาที่ผมรู้สึกว่าผมศึกษาจาก reference นี่ ผมเอามันมาดูสิว่าเรามีคลังข้อมูลประมาณนี้ แต่เราจะไม่เล่นท่านี้เสียทีเดียว เราจะประยุกต์ จะสร้างใหม่ให้ไม่หยุดจากฟีลนี้ได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมอยากที่จะรู้ให้ละเอียด ยิ่งรู้ว่า who, what, where, when, why ทำให้ใคร กลุ่มเป้าหมายอะไร คือ ในกรณีถ้าเป็นเพลงคนอื่น ผมจะพยายามหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วก็มาประยุกต์ใช้ให้เป็นตัวเองมากที่สุด โดยที่ไม่เสียตัวเขาด้วย
เข้าฝัน – Tiger Killer
บทเพลงที่จุดประกายแรงบันดาลใจ
ตอนเด็กๆ ผมไม่ได้ฟังเพลงกว้างมาก ก็ฟังเท่าที่ได้ยินในวิทยุทั่วไป บางทีพ่อกับแม่ก็จะเอาเพลงเก่าๆ มาเปิดให้ฟังบ้าง แล้วผมสะดุดกับเพลงของพี่ปู - พงษ์สิทธิ์ คำภีร์มาก
แล้วเราก็ฟังเพลงไปเรื่อยไปเปื่อยเหมือนกันครับ มีเพลงอะไรมาในวิทยุที่ดังๆ ในช่วงนั้นก็ฟัง ถ้าเป็นวงไทยสากล ผมจะสะดุดอยู่สองวงในตอนนั้นคือ Zeal ชุดแรก เพลง ‘เหวี่ยง’ ซิงเกิลแรกที่เปิดตัววงแล้วก็เพลง ‘เปลี่ยน’ ของ Flure สองวงนี้เป็นวงที่ฟังในท้องตลาดแล้วเพลงจะโดดเด่นกว่าเพื่อน เลยทำให้รู้สึกว่าได้แรงบันดาลใจในเรื่องของซาวด์ดีไซน์หรือแม้กระทั่งความมุทะลุของเพลงที่ตอนนั้นฟังแล้วรู้สึกว่ามันจังเลย รู้สึกว่าสนุกสนานกว่าเพลงที่เราได้ฟังทั่วไป
‘เปลี่ยน’ - Flure
แต่ถ้าเป็นในด้านของการเล่าเรื่อง ผมรู้สึกว่าเพลงของปู - พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เป็นเพลงที่เล่าเรื่องได้เฉียบคม ฉกาจ และบางครั้งอุกฉกรรจ์ได้เลย เพราะเรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่หนักมาก ซึ่งเรื่องจริง เป็นเรื่องที่พี่ปูได้ไปประสบพบเจอเป็นประสบการณ์มาด้วยครับ แล้วเขาเอามาเขียนในภาษาของเขา ความคล้องจองในแบบของเขา ผมรู้สึกว่าการเล่าเรื่องแบบนี้มันสวยงามแล้วมันก็ยากในที แล้วรู้สึกว่าเราชอบการเล่าเรื่องของเขา ไม่รู้ว่าด้วยสิ่งที่ฟังส่งผลโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่รู้ตัวหรือเปล่า เพราะตอนที่เขียนเพลงแรกๆ ในชีวิต ผมไม่ได้เขียนด้วยภาษาสวยหรูมหากาฬขนาดนั้น ภาษาที่เล่าค่อนข้างทื่อๆ เลย แต่ยุคอัลเทอร์เนทีฟตอนนั้นก็มีอิทธิพลในการคิด ในการสร้างเพลงตอนนั้นเหมือนกัน
ต่อจากเวลานั้นๆ ก็ฟังเพลงกว้างมาก แล้วก็หลุดไปฟังเมทัลนานสองนาน แล้วจู่ๆ ก็มีประสบการณ์ทำให้ได้มาฟังเพลงซาวด์แทร็กเกาหลีแล้วหลังจากนั้นผมก็ไล่ฟังดะเลยฮะ อ่านหนังสือ หานิตยสาร หารีวิวเพลง พยายามฟังให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นเหมือนการฝึกตัวเองที่ดี ที่ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากหยุดนิ่งแล้ว ยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ
อัลบั้ม ‘มาตามสัญญา’ - พงษ์สิทธิ์ คำภีร์
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในการแต่งเพลง
ถ้าเป็นปัญหาภายในใจตัวเอง ผมจะรู้สึกว่าไม่อยากทำงานซ้ำเดิม ถ้าเกิดคิดแล้วรู้สึกว่าซ้ำกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำมา มีจุดที่ใกล้เคียงกับอะไร อาจจะทำให้ตัวเองนอยด์ได้เหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกว่ายังได้อีก ยังพัฒนาได้อีก ถ้าไม่โอเคก็ลบทิ้ง
ตอนเขียนเพลงของ The Darkest Romance ก็มีช่วงที่ผมเขียนอะไรไม่ออก รู้สึกว่าเขียนออกมาก็ไม่เข้าท่า จดไว้ๆ ก็ลบออก ขยำกระดาษทิ้งเป็นว่าเล่น แล้วก็น่าจะลิงก์มาที่ส่วนของ writer’s block ด้วย ก็คือเวลาที่ตัวเองตันและเขียนเพลงไม่ออก หาทางออกไม่ได้ วิธีแก้ของผมเวลาเจอเรื่องนี้ก็มีสองทาง วิธีแรก คือ หนามยอกเอาหนามบ่ง คือ อยู่กับมัน แล้วลองเค้นดู เค้นให้ถึงที่สุด เอาให้มันได้ ถ้าเค้นแล้วยังไม่ได้ เราก็ยังมีวัตถุดิบบางอย่างกลับไปบ้าง แต่ถ้าไม่ได้เลยก็ทิ้ง แล้วเราลองใหม่อีกที เป็นส่วนเสี้ยวของโจทย์ ของสารตั้งต้น อีกวิธีหนึ่งก็คือหนีไปเลยครับ ปิดตัวเอง เอาตัวเองไปทำอะไรอย่างอื่น อ่านหนังสือ ขับรถเล่น เล่นเกม คุยโทรศัพท์กับเพื่อน แต่ตอนนี้ก็จะคุยกับภรรยาเยอะหน่อยนะครับ เพราะว่ามีหลายเรื่องให้คุยให้ปรึกษากัน
แต่ก่อนผมรู้สึกว่าผมเป็นคนพูดมากประมาณหนึ่ง ตอนนี้ก็น่าจะยังพูดมากอยู่มั้ง (หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกัน สิ่งที่เปลี่ยนไปของตัวเอง คือ ผมรู้สึกว่าผมฟังคนอื่นมากขึ้น ชอบไปนั่งฟังคนอื่นคุยกัน บางทีรู้สึกว่าตัวเองพูดน้อยลง แต่เวลาได้ยินบทสนทนา ได้สังเกตรอบๆ ตัว บางคนเดินผ่านแล้วคุยอะไรสักอย่าง อาจมีคำบางคำหรือประโยคบางประโยคเท่มาก หรือแม้กระทั่งเวลาขับรถ แล้วเราไปเจอพวกสติ๊กเกอร์สิบล้อ หรือสติ๊กเกอร์พวกมุกตลกอะไร บางทีก็จะเติมคลังคำศัพท์หรือคลังอาวุธให้ตัวเองได้ด้วยเหมือนกันครับ ก็เลยประยุกต์ตัวเองจนหาทางเอาตัวรอดตรงนี้ได้ครับ (หัวเราะ)
ความโดดเดี่ยว – The Darkest Romance
ความสนุกในการแต่งเพลงของแม็ก
ความสนุกในการแต่งเพลงให้กับวงตนเองและศิลปินอื่นๆ อาจจะเป็นเพราะได้เริ่มทำงานมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ผมเลยมักจะคิดว่าเหมือนตัวเองใส่หมวกหรือสวมบทบาทอะไรอยู่ด้วยในที
อย่างถ้าเวลาแต่งเพลงให้กับวงตัวเอง ความสนุกของวงตัวเอง คือ ผมจะทำอะไรก็ได้ที่ผมต้องการ ผมจะพูดในเรื่องที่ผมอยากจะพูด และผมจะพูดเรื่องทีผมเชื่อ ผมรู้ และถ้าเรื่องนี้มันเล่าสนุกปาก หรือเรายังรู้สึกว่าเรามีแก่นสารที่ดีแล้ว เรามีคอนเซปต์ที่แข็งแรงแล้ว เราจะเล่นกับคอนเซปต์นี้ได้อย่างไรบ้าง จะกลายเป็นความสนุกกับตัวเองในการค้นหา รีเสิร์ช หรือแม้กระทั่งทดลอง โดยตัดทุกอย่างออกไปให้หมด เหมือนผมตั้งเป้าไว้เลยว่า อย่างน้อยที่สุดเราจะทำทุกวิธีการ ทุกวิถีทาง อะไรก็ได้ เพื่อที่ถ้าวันนี้เพลงมันเสร็จ หรือวันหลังเพลงนี้มันเสร็จและรีลีสออกไป เราจะไม่เสียใจในภายหลัง เราจะฟังมันได้อีกร้อยครั้งพันครั้ง และความสนุกสำหรับผมเองนะฮะ คือ ผมต้องหาไอเดียให้ได้ ถ้าเกิดยังหาไม่เจอ ยังไม่ดีที่สุด ก็จะไม่ปล่อย จะไม่รีลีส และจะไม่เสนอใครให้ฟังทั้งสิ้น จะพยยายาม พยายามจนกว่ามันจะได้ อย่างน้อยถ้ามันโอเคแล้วตามหลักความรู้สึกหรือเหตุผล หรือคอนเซปต์ต่างๆ ที่ตั้งเอาไว้ของตัวเอง เราจะรู้สึกแฮปปี้กับมันมาก
ความเยาว์– The Darkest Romance
ในขณะเดียวกัน พอทำเพลงให้กับศิลปินท่านอื่นๆ ก็จะเป็นความท้าทายอีกรูปแบบหนึ่ง เหมือนกับพอทำเพลงตัวเอง เราก็จะใส่หมวกว่าเรากำลังทำงานให้กับตัวเรา ดังนั้นเราจะไม่ยี่หระต่อความคิดตัวเอง แต่พอเป็นศิลปินท่านอื่น เราต้องแชร์ เราเอาความเป็นตัวเองผสมผสานในสิ่งที่เขาเป็นได้ เรามีกิมมิกบางอย่าง ลูกเล่นบางอย่างในสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้ และผมรู้สึกสนุกมากถ้าเกิดเราแอบแฝงอะไรบางอย่างเข้าไป อาจจะเป็นตัวผมเองคนเดียวที่รู้ด้วยว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้น ที่มามันคืออะไร เพลงก็ยังต้องเป็นเพลงด้วยนะ เราอยากทำเพลงเพราะ เราต้องได้เพลงเพราะ เราจะไม่ทำเพลงที่อัดของ อัดวิชา อัดความร้อนวิชาเข้าไปมากมายขนาดนั้น แต่ว่าก็จะลางเนื้อชอบลางยา ผม รู้สึกว่าแบบนี้โอเค ก็จะประยุกต์ใช้สิ่งที่ผมมี กับสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ทำงานกับคนอื่น ความสนุกอีกอย่างในการทำงานกับคนอื่นก็คือ ผมรู้สึกว่าผมได้ไปเรียน ผมได้ไปทำงานกับพี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ผมก็จะไปเรียนรู้ว่าการไปทำงานกับพี่กอล์ฟเขาจะมีขั้นตอนการคิดแบบนี้ เขาต้องการสารตั้งต้นแบบนี้ แม้กระทั่งการทำงานกับพี่ๆ ค็อกเทล เขาจะมีระบบในการทำงานอีกแบบหนึ่ง ตอนผมทำงานเพลงละคร หรือทำสกอร์ประกอบต่างๆ ก็จะกลายเป็นการตีโจทย์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งการได้เจอโจทย์มากมายหลายๆ อย่างให้เราได้คิด ให้เราได้ boxing กับมันตลอดเวลา ทำให้เราได้รู่ว่าเราจะทำได้ดีแค่ไหน เรามีเวลาเท่าไหร่ เราสามารถเล่นกับมันได้อย่างไร สนุกในแง่ของการ challenging มากกว่า ถ้าถามผมนะครับ ไม่ง่ายเลย (หัวเราะ)
คอแห้ง – F.Hero x Ja Nongpanee
คำแนะนำจากประสบการณ์ตัวเองที่อยากส่งต่อนักดนตรีรุ่นใหม่
ผมคิดออกสองอย่างในตอนนี้เลย ก็คือ 1.”อย่าหยุด ทำไปเรื่อยๆ” ดูเป็นประโยคที่ Cliché (สำนวนเก่า) มาก ผมจะไม่พูดว่าความฝันหรืออะไรก็ตาม บางคนอาจจะเชื่อในความฝัน บางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมเชื่อในคำว่า “ทำ” “อย่าหยุด” เมื่อเร็วๆ นี้ ผมเพิ่งได้คุยกับเพื่อน กับพี่ กับน้องๆ ครับ เขารู้สึกว่าเขาออกเพลงมาแล้วเขากลัวว่าจะไม่สำเร็จ เขาไม่รู้ว่ามันขาดๆ เกินๆ ผมก็บอกไปว่าแต่ก่อน ตอนที่ผมยังไม่มีงานเป็นกิจจะลักษณะขนาดนี้ หรือต่อให้เริ่มมีงานทำแล้วก็ตาม ผมก็จะเจอคอมเมนต์กลับมาบ้างว่า อันนี้มากเกินไป อันนี้น้อยเกินไป ก็มีจุดที่ทำให้รู้สึกว่าเราคิดมาดีแล้ว แต่ว่ายังไม่โอเคอีกเหรอ ท้ายที่สุดแล้วนี่ ถ้าเกิดเราไม่เริ่มลงมือทำ แล้วไม่ลองแก้ไขมัน เราจะไม่รู้เลยว่า ที่เกินหรือที่ขาดจะพอดีได้อย่างไร เราจะเจอสิ่งที่เราชอบได้อย่างไร เราจะเจอสิ่งที่เราชอบ หรือที่เราจะไม่ทำมันได้อย่างไร ถ้าเกิดเราไม่ได้เริ่มลงมือทำ และเราทำในระยะเวลาอันสั้น มันอาจจะยังไม่เพียงพอ ดังนั้น ความคลิเช่ตรงนี้ ผมรู้สึกว่ามันก็ยังจริงอยู่นะ อย่างที่บอกข้อสักครู่นี้ว่ามันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น แต่ว่าก็ต้องทำ ถ้ารู้สึกว่ารักมันจริงๆ แล้วอยากจะลงมือลงใจกับมัน
ลิงก์ไปที่ข้อที่สองครับ เรื่องของคำว่า “สังเกต” ผมรู้สึกว่าการสังเกตอะไรรอบๆ ตัว ทุกเรื่องเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การหาข้อมูล การนั่งฟังคนอื่นคุยกัน การเก็บบทสนทนา การฟังเพลงคนอื่น การฟังเพลงของตัวเอง การฟัง ความคิดตัวเอง การอ่านหนังสือ จะหนังสือพิมพ์ หนังสือ นิตยสาร วลี นิยาย การ์ตูน อะไรก็ตาม ถ้าเราสังเกตมากพอและกลับมาใช้เป็น จะกลายเป็นคลังวัตถุดิบที่มหาศาลมาก อันนี้ผมรู้สึกว่าผมอ้างอิงได้ก็คือ ครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสพบกับอาจิก- ประภาส ชลศรานนท์ ก็ถามว่าอยากหาแรงบันดาลใจของการเขียนเพลง หาได้จากไหน เขาก็บอกว่าหาได้รอบตัว อยากเขียนอะไร หยิบอากาศ หยิบสิ่งรอบตัวมา แล้วก็ดีไซน์มัน เล่นกับมัน หรือแม้กระทั่งทดลองมัน ทุกอย่างที่เรามีในหัว เราสามารถเล่นกับมันได้ทั้งหมด เอามาลองใช้ให้หมด
สังเกต และทำไม่หยุด ผมเชื่อว่าสองข้อ สำหรับผม ถ้าคิดออกไวๆ ในตอนนี้ คำแนะนำที่ดีที่สุดที่ผมน่าจะบอกได้ ส่วนตัวก็รู้สึกว่าตัวเองยังคงต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเช่นกัน ยังหยุดเรียนรู้ไม่ได้ แล้วก็ยังต้องพยายามที่จะทำงานให้หนักขึ้น เท่าที่ตัวเองจะยังทำไหว แล้วก็อยากจะพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นเช่นกัน
สิ่งที่ไม่เคยบอก – The Darkest Romance
(Moderndog Cover – for Cat Expo)
ติดตามผลงานของ The Darkest Romance ได้ที่ https://www.facebook.com/TheDarkestRomance อัปเดตผลงานมากมายของแม็กได้ที่ https://thitiwatrongthong.wixsite.com/welcome/works
แล้วมาติดตามเคล็ดลับของศิลปิน นักแต่งเพลงหลากหลายสไตล์ ได้ที่นี่ และฟังสดได้ทุกวันเสาร์เวลา 11.00-14.00 ในรายการ Bedroom Studio ที่ Cat Radio #bedtipsbybedroomstudio